Close Mobile Navigation

รู้จักมะเร็งกระเพาะอาหาร ปัจจัยเสี่ยง ระยะ และการวินิจฉัย

ข้อมูลในหน้านี้อาจช่วยให้ท่านเข้าใจเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและสิ่งที่กำลังเกิดกับร่างกาย ของท่านได้ดียิ่งขึ้นซึ่งอาจช่วยในการตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญร่วมกับแพทย์ของท่าน

มะเร็งกระเพาะอาหาร
คืออะไร 

มะเร็งกระเพาะอาหาร คือมะเร็งที่เกิดขึ้นจากการเจริญผิดปกติของเซลล์ในเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของระบบย่อยอาหาร ทำหน้าที่ย่อยและทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยอาศัยเอนไซม์ และกรดที่กระเพาะอาหารผลิตขึ้น
โดยปกติมะเร็งกระเพาะอาหาร อาการเริ่มแรกมักจะสังเกตได้ยาก และส่วนใหญ่จะตรวจพบหลังจากที่ มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายแล้ว

ประเภทของมะเร็งกระเพาะอาหาร

ประเภทของมะเร็งกระเพาะอาหารที่พบได้ มีดังนี้

อะดีโนคาร์ซิโนมา (Adenocarcinoma) เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเกิดขึ้นที่เยื่อบุชั้นในสุดของกระเพาะอาหารที่เจริญเติบโตมากเกินควบคุม
เนื้องอกในระบบทางเดินอาหาร GIST (Gastrointestinal stromal tumors) เนื้องอก GIST เริ่มขึ้นจากเซลล์ต้นกำเนิด ในระบบทางเดินอาหาร
เนื้องอกคาร์ซินอยด์ (Carcinoid tumors) เนื้องอกคาร์ซินอยด์เป็นมะเร็งที่เริ่มต้นในเซลล์ประสาทและเซลล์ต่อมไร้ท่อ (neuroendocrine cells) เซลล์เหล่านี้พบได้ในหลายส่วนของร่างกาย
มะเร็งต่อมนํ้าเหลือง (Lymphoma) มะเร็งต่อมนํ้าเหลืองมีจุดเริ่มต้นจากเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งในกรณีของมะเร็งกระเพาะอาหาร อาจเกิดขึ้นได้หากร่างกายส่งเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันไปที่กระเพาะอาหารเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค

โรคมะเร็งกระเพาะอาหารชนิดต่างๆ 

โรคมะเร็งกระเพาะอาหารรูปแบบที่พบบ่อยที่สุดเรียกว่าอะดีโนคาร์ซิโนมา (ออกเสียงว่า “อะ-ดี-โน-คาร์-ซิ-โน-มา”) ซึ่งเซลล์จากเยื่อบุชั้นในสุดของกระเพาะอาหารจะเติบโตอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนโรคมะเร็งกระเพาะอาหารชนิดที่ไม่ใช่อะดีโนคาร์ซิโนมา อาจมีจุดกำเนิดในเซลล์ชนิดต่างๆ และพบได้น้อยกว่ามะเร็งชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมามาก ซึ่งรวมถึงเนื้องอกของเนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหาร (เนื้องอกจิสต์ Gastrointestinal Stromal Tumors; GISTs) เนื้องอกประสาทต่อมไร้ท่อ (เนื้องอกเน็ต Neuroendocrine tumors; NETs) และมะเร็งต่อมนํ้าเหลือง

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

แม้ว่าเราอาจจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามะเร็งกระเพาะอาหาร เกิดจากอะไร แต่ปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้

• เพศชาย มะเร็งกระเพาะอาหารมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเกือบสองเท่า และส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 55 ปี ในตอนที่ได้รับการวินิจฉัย

• เชื้อ Helicobacter pylori (H. pylori) แบคทีเรียเอชไพโลไรพบได้ทั่วไปบนเยื่อบุกระเพาะอาหารและอาจทําให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร การอักเสบของกระเพาะอาหาร และ โรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้

• นํ้าหนักตัว การมีนํ้าหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนอาจทําให้มีความเสี่ยงมากขึ้น

• การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารรสเค็มจัด รมควัน หมักดองหรือหมักเกลือ และ/หรือ เนื้อสัตว์ย่าง หรือแปรรูปมากๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันละ 3 แก้วขึ้นไปอาจทําให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น

การสูบบุหรี่ อัตราการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้นประมาณสองเท่าในผู้สูบบุหรี่

• ประวัติสุขภาพ ผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคโลหิตจางจากภาวะการขาดวิตามินบี 12 หรือ หรือภาวะไม่มีกรดในกระเพาะอาหาร (ภาวะไร้กรดเกลือ Achlorhydria) อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น

พึงระลึกไว้ว่าการมีปัจจัยเสี่ยงตามที่ระบุไว้ข้างต้นหนึ่งอย่างขึ้นไปไม่ได้หมายความว่าท่านจะเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารแต่หากท่านคิดว่าอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น โปรดปรึกษาแพทย์ของท่านเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

การตรวจคัดกรองและการวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหาร

ปัจจุบันยังไม่มีคําแนะนําสําหรับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นประจํา อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาวิจัยทางคลินิกต่าง ๆ ที่กําลังมองหาวิธีคัดกรองโรคมะเร็งชนิดนี้
มะเร็งกระเพาะอาหาร หากได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น หรือตั้งแต่อาการเริ่มแรก อาจหมายถึงโอกาสที่จะรักษาและฟื้นตัวได้ดีกว่า ในขณะที่โรคมะเร็งในระยะลุกลามอาจมีความท้าทายในการรักษาเพิ่มมากขึ้น

วิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหาร มีดังต่อไปนี้

บุคลากรทางการแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพของท่านอาจเริ่มต้นด้วยการซักประวัติทางการแพทย์ และประวัติครอบครัวของท่าน รวมทั้งทําการตรวจร่างกายโดยละเอียด

การถ่ายภาพ (Imaging)
แพทย์อาจต้องการดูภาพถ่ายของกระเพาะอาหารและอวัยวะอื่นๆ ของท่าน การตรวจด้วยเทคนิคการถ่ายภาพทางการแพทย์ที่พบบ่อย มีดังนี้

• การกลืนแบเรียม จะมีการเอกซเรย์กระเพาะอาหารและหลอดอาหารหลังจากผู้ป่วยดื่ม ของเหลวที่มีแบเรียม ซึ่งจะเคลือบกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร แบเรียมเป็นสารประกอบ โลหะที่ช่วยให้การเอกซเรย์เพื่อถ่ายภาพอวัยวะทำได้ง่ายขึ้น
• การตรวจด้วยการส่องกล้อง จะมีการถ่ายภาพบางส่วนด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า กล้องส่องตรวจ ซึ่งสอดเข้าไป ในร่างกายเพื่อถ่ายภาพกล้องส่องตรวจภายใน (endoscope) เป็นเครื่องมือเล็กๆ ที่มีแสง ซึ่งจะเข้าผ่านทางปากเพื่อดูกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ส่วนกล้องส่องตรวจช่องท้อง (laparoscope) จะเข้าผ่านรอยผ่าเล็กๆ ไปยังช่องท้องของท่าน
• ซีที อัลตราซาวด์ เพทสแกน และอื่นๆ การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT หรือ CAT) ใช้รังสีเอกซ์เพื่อถ่ายภาพภายในร่างกาย ส่วนอัลตราซาวด์ใช้คลื่นเสียงพลังงานสูงเพื่อทำให้เกิด ภาพของอวัยวะภายในร่างกายของท่าน และการตรวจเพท (PET: Positron emission tomography) ทำโดยการใช้สารเภสัชรังสี เป็นสารตามรอย ซึ่งจะถูกฉีดเข้าไปในหลอดเลือดดำเพื่อแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของเซลล์มะเร็งในร่างกาย

นอกจากนี้ยังอาจมีการตรวจด้วยเทคนิคการถ่ายภาพทางการแพทย์อื่นที่ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกันร่วมด้วยก็ได้

คลากรทางการแพทย์อาจเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำของท่าน การตรวจนี้จะแสดงให้เห็นอาการแสดงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าอวัยวะภายในของท่านทำงานได้ดีเพียงใด

• การตรวจนับเม็ดเลือด(CBC): การตรวจนี้จะวัดจำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและจำนวนเกล็ดเลือดในเลือดของท่าน
• การตรวจเปปซิโนเจนในซีรัม (Serum pepsinogen test): การตรวจนี้แสดงให้เห็นระดับของเปปซิโนเจนในซีรัมซึ่งเปปซิโนเจนเป็นสารที่สามารถส่งสัญญาณบ่งบอกภาวะที่อาจทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

ในระหว่างการส่องกล้องตรวจภายใน (endoscope) อาจมีการนำตัวอย่างเนื้อเยื่อหรือของเหลวออกมาด้วย โดยสามารถเก็บตัวอย่างได้จากเนื้องอก บริเวณผนังกระเพาะอาหาร หรือตำแหน่งอื่นๆ จากนั้นตัวอย่างจะถูกส่งไปยังนักพยาธิวิทยา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจเซลล์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์ต่อไป

พึงระลึกไว้ว่า การตรวจคัดกรองนั้นอาจมีความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงโอกาสที่จะได้ผลลบลวง ผลบวกลวง หรือเกิดผลข้างเคียงจากการตรวจได้
โปรดปรึกษาแพทย์ของท่านว่าการตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะอาหารสมเหตุสมผลสำหรับท่านหรือไม่

การตรวจตัวบ่งชี้ทางชีวภาพในโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร 

หากท่านได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร แพทย์ของท่านอาจสั่งตรวจตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarker) ซึ่งเป็นโมเลกุลทางชีวภาพซึ่งสามารถวัดได้ และพบได้ในเลือดและของเหลวในร่างกายหรือเนื้อเยื่ออื่นๆ การตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่พบในตัวอย่างของท่านอาจช่วยให้แพทย์กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะกับท่านได้ 

ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่มักตรวจหาในมะเร็งกระเพาะอาหาร ได้แก่:

ปริมาณการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็ง (TMB: tumor mutational burden)
ตัวรับโปรตีนกระตุ้นการเจริญเติบโตเฮอร์ทู (HER2: Human epidermal growth factor receptor 2) 
ความไม่เสถียรของไมโครแซทเทลไลท์/การกลายพันธุ์ของยีนกลุ่มที่ทำหน้าที่แก้ไขความผิดพลาดจากการจำลองโมเลกุลในระหว่าง การสังเคราะห์สายดีเอ็นเอ (MSI/MMR: microsatellite instability/mismatch repair) 
การรวมตัวกันของยีน NTRK (neurotrophic receptor tyrosine kinase gene fusions) 
โปรตีนพีดีแอลวัน (PD-L1: programmed death ligand 1)

วิธีการตรวจตัวบ่งชี้ทางชีวภาพบางชนิดที่แพทย์ของท่านอาจส่งตรวจคือ:

• การตรวจทางอณูชีววิทยาแบบ FISH (ฟลูออเรสเซนซ์ อิน ซิตู ไฮบริไดเซซัน)
• การตรวจชิ้นเนื้อย้อมสี IHC (อิมมูโนฮิสโตเคมี)
• การตรวจหายีนที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง ด้วยเทคนิค NGS (การวิเคราะห์ลำดับเบสยุคใหม่)
• การตรวจดีเอนเอด้วยวิธี PCR (ปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส)

การแบ่งระยะของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร:
การแบ่งระยะคืออะไรและมีวิธีการอย่างไร

การแบ่งระยะ (Staging) เป็นขั้นตอนสำคัญในการวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารของผู้ป่วย และใช้เพื่อช่วยตัดสินใจว่า จะใช้วิธีการรักษาวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง การแบ่งระยะเป็นวิธีอธิบายลักษณะว่าโรคมะเร็ง มีการลุกลามมากน้อยเพียงใด และมะเร็งได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ หรือไม่

นอกจากนี้ การแบ่งระยะยังสามารถช่วยให้แพทย์พยากรณ์โรคของท่านได้ ซึ่งสื่อถึงผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น

เยื่อบุกระเพาะอาหาร 5 ชั้น 

โดยเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อของเยื่อบุกระเพาะอาหารมี 5 ชั้นของเยื่อบุกระเพาะอาหารอาจช่วยให้ท่านเข้าใจว่า ปกติแล้วมะเร็งกระเพาะอาหารจะมีการลุกลามจากระยะเริ่มต้นไปจนถึงระยะลุกลามได้อย่างไร โดยทั่วไป ก้อนมะเร็งส่วนใหญ่มักจะมีจุดเริ่มต้นที่ชั้นในสุดของเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งก็คือชั้นเยื่อเมือก เมื่อมะเร็งไปถึงชั้นนอกของกระเพาะอาหารหรือแพร่กระจายไปยังต่อมนํ้าเหลือง โรคจะรุนแรงมากขึ้น

ภาพแสดงเยื่อบุกระเพาะอาหารชั้นต่างๆ จะแสดงตามลำดับจากด้านในสุดไปด้านนอกสุดจากบนลงล่าง

ชั้นเยื่อเมือก (Mucosa): ชั้นในสุดซึ่งหนา เป็นส่วนที่มีการสัมผัสกับอาหาร 
ชั้นใต้เยื่อเมือก (Submucosa): ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หลอดเลือด ท่อนํ้าเหลืองและเซลล์ประสาท 
ชั้นกล้ามเนื้อ (Muscularis): ประกอบด้วยเนื้อเยื่ออ่อนที่ช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านกระเพาะอาหาร 
ชั้นใต้เยื่อเลื่อม (Subserosa): ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน รองรับเยื่อหุ้มชั้นนอกสุด 
ชั้นเยื่อเลื่อม (Serosa): เยื่อหุ้มชั้นนอกสุด ช่วยให้กระเพาะอาหารเคลื่อนตัวไปชนกับอวัยวะอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น

มะเร็งกระเพาะอาหาร มีกี่ระยะ

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (National Cancer Institute, NCI)

ข้อมูลด้านล่างนี้อ้างอิงจากข้อมูลต้นฉบับที่ตีพิมพ์เผยแพร่โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลด้านการวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง โปรดใช้ข้อมูลนี้เพื่อพูดคุยกับแพทย์ของท่านเกี่ยวกับระยะของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารที่ท่านเป็นอยู่

โรคมะเร็งกระเพาะอาหารเริ่มตั้งแต่ระยะที่ 0 ถึงระยะที่ 4 ซึ่งตัวเลขยิ่งสูงเท่าไหร่มะเร็งก็จะยิ่ง แพร่กระจายไกลขึ้นเท่านั้น

ในโรคมะเร็งกระเพาะอาหารระยะที่ 0
จะมีการตรวจพบเซลล์ที่ผิดปกติในเยื่อเมือกซึ่งเป็นชั้นในสุดของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร เซลล์เหล่านี้ยังไม่เป็นมะเร็ง แต่เซลล์เหล่านี้อาจกลายเป็นมะเร็งและแพร่กระจายได้
มะเร็งระยะที่ 0 เรียกอีกอย่างว่า มะเร็งในแหล่งกำเนิด (Carcinoma in situ)

มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 1 แบ่งออกเป็น 2 ระยะย่อย:

ระยะที่ 1A

มะเร็งได้เกิดขึ้นในชั้นเยื่อเมือกซึ่งเป็นชั้นในสุดของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร และอาจมีการแพร่กระจายไปยังชั้นใต้เยื่อเมือก

ระยะที่ 1B

มะเร็งได้ก่อตัวขึ้นในชั้นเยื่อเมือก อาจมีการแพร่กระจายไปยังชั้นใต้เยื่อเมือก (แต่ไม่จำเป็น) และได้แพร่กระจาย ไปยังต่อมนํ้าเหลืองใกล้เคียง 1 หรือ 2 ต่อม แต่ยังไม่ได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ

หรือ

มะเร็งได้ก่อตัวขึ้นในชั้นเยื่อเมือกของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหารและได้แพร่กระจายไปยังชั้นกล้ามเนื้อของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหารแต่ยังไม่ได้แพร่กระจายไปยังต่อมนํ้าเหลือง หรืออวัยวะอื่นๆ

มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 2 แบ่งออกเป็น 2 ระยะย่อย:

ระยะที่ 2A

มะเร็งได้เกิดขึ้นในชั้นเยื่อเมือกซึ่งเป็นชั้นในสุดของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร และอาจมีการแพร่กระจายไปยังชั้นใต้เยื่อเมือก

หรือ

มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังต่อมนํ้าเหลืองใกล้เคียง 1 หรือ 2 ต่อม แต่ยังไม่ได้แพร่กระจายไปยัง อวัยวะอื่น ๆ และมีการแพร่กระจายไปยังชั้นกล้ามเนื้อ (muscularis) ของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร

หรือ

มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังชั้นใต้เยื่อเลื่อม (ชั้นถัดจากชั้นนอกสุด) ของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร แต่ยังไม่ได้แพร่กระจายไปยังต่อมนํ้าเหลืองใกล้เคียง หรืออวัยวะอื่น

ระยะที่ 2B

มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังต่อมนํ้าเหลืองใกล้เคียง 7 ถึง 15 ต่อม และอาจมีการแพร่กระจายไปยังชั้นใต้เยื่อเมือกของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร

หรือ

มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังต่อมนํ้าเหลืองใกล้เคียง 3 ถึง 6 ต่อม และมีการแพร่กระจายไปยัง ชั้นกล้ามเนื้อของเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร

บทความอื่นๆ

การมีส่วนร่วมในการเลือกวิธีการรักษา

เรียนรู้เกี่ยวกับชนิดของมะเร็งปอด
อาการ การวินิจฉัย และการรักษา

TH-OGA-00001 05/2024

ความร่วมมือ